Month: July 2022

อาการปวดหลัง ปัญหาสุขภาพของคนวัยทำงาน ที่กวนใจใครหลายคน

                ในปัจจุบันนี้ เรามักจะเห็นผู้คนหันมาสนใจกับการดูแลตัวเองและการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ ที่ต่างก็หาเวลาไปออกกำลังกาย และวิธีที่สามารถทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก พนักงานออฟฟิศเหล่านี้มีกจะเจอกับ อาการปวดหลัง หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณสะดพกขึ้นไปจนถึงไหล่ ซึ่งอาการเหล่านี้ทางการแพทย์มักจะเรียกว่าเป็นอาการของโรค ออฟฟิศซินโดรม เพราะเรามักจะใช้เวลาในการทำงานนานหลายชั่วโมงอยู่ในท่านั่งเพียงอย่างเดียว อาจจะมีลุกดินบ้าง ไปหยิบนั่นจับนี่ แต่แล้วเราก็ต้องมาจบอยู่ที่การนั่งเก้าอี้อยู่หน้าคอมนั่นเอง ซึ่งบางครั้ง ในบางรายก็อาจจะมีอาการ ปวดหลัง มากจนถึงกับนั่งไม่ได้ หรืออาจจะนั่งได้แต่ก็นั่งได้ไม่นานเหมือนเดิม บางคนก็มีอาการชาที่ตรงกลางหลัง หรือบางท่านก็อาจจะมีอาการปวดหัวไหล่จนยกแขนไม่ได้เลยก็มี แต่ในรายที่มี อาการปวดหลัง นั้น จะส่งผลให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันลำบากกว่าที่เคยเป็นด้วยซ้ำ และอาจจะกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพไปเลยก็ได้ เว็บแนะนำสุขภาพ อาการปวดหลัง ปัญหาสุขภาพเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เกิดจากการยกของหนัก บางครั้งการที่เรายกของหนักแบบกะทันหันหรือผิดท่า ก็ทำให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ในทันที ซึ่งหากเป็นภาษาทางการแพทย์ก็อาจจะเรียกว่า กล้ามเนื้ออับเสบ ต้องใช้ยาแก้บอักเสบและยาคลายกล้ามเนื้อช่วย จึงจะดีขึ้นหรือหายไป อาการผิดปกติทางระบบประสาท ก็จะมีอาการปวดชาและอ่อนแรง โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าตอนนี้ระบบประสาทของร่างกายเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้น ปวดตามแนวกระดูก นี่เป็นอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นหมอนรองกระดูก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าต่อไปนี้ตุณจะชีวิตแบบปกติสุขไม่ได้แล้ว เริ่มจะมีปัญหาเรื่องของสุขภาพร่ายกายมาเกี่ยวข้องแล้ว เนื่องจากคนที่เป็นหมอนรองกระดูดเสื่อม บางคนเป็นบางเฉียบพลันก็จะเดินเอียงไปข้างหนึ่ง ไม่สามารถที่จะเดินตัวตรงได้ ซึ่งวิธีการรักษานั้น ก็มีหลากหลายวิธีเช่นกัน นอกจากจะเป็นปัญหาด้านร่ายการแล้วอาการปวดหลังยังเป็นปัญหาเรื่องของสุขภาพจิตได้เช่นกัน ดังนั้นใครที่ไม่อยากป่วยหรือมีอาการเหล่านี้ ก็ควรที่จะหมั่นออกกำลังการยืดกล้างเนื้อบ่อย ๆ […]

สุขภาพดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร สร้างได้ไม่ยากเพียงแค่เราตั้งใจ

บางคนอาจจะมองว่าตอนนี้ตนเองนั้นมีสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว ร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร แต่บางครั้งโรคภัยที่มันเกิดขึ้นกับเรานั้น มันอาจจะไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนหรือบอกเราล่วงหน้าว่าตอนนี้ จะป่วยแล้วนะ อายุเท่านี้จะมีโรคแล้วนะ อะไรประมาณนี้ ซึ่งหากเราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น ต่อให้อายุยังน้อยอยู่ ก็สามารถที่จะดูและตัวเองได้เช่นกัน เพราะการดูแลสภาพร่างกายและจิตใจให้ดีอยู่เสมอนั้นเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องการ คงไม่มีใครที่ยากจะมีโรคภัยมาเบียดเบียนอย่างแน่นอน เพียงแค่เรานั้น รู้จักที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น เปลี่ยนรูปแบบการกิน เพิ่มเวลาออกกำลังกายให้มากขึ้น แค่นี้เราก็สามารถที่จะมี สุขภาพดี ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว วิธีที่ทำให้มี สุขภาพดี มีอะไรบ้าง การพักผ่อน เรามักจะเคยได้ยินที่ใคร ๆ เขาต่างก็พูดก็บอกกันว่า  พักผ่อนให้เพียงพอนะ อย่าหักโหมนะ อะไรประมาณนี้  ซึ่งการที่เราได้พักผ่อนอย่างเพียงพอนั้น คือ การนอนหลับ สนิทตลอดระยะเวลา 6-8 ชั่วโมงนั่นเอง โดยที่เราตื่นมาแล้วจะไม่รู้สึกง่วง และจะรู้สึกอยากนอนต่อ เพราะหากเรานอนดึก ตื่นมาจะทำให้รู้สึกเพลียเหนื่อยอยากนอนต่อ และที่สำคัญจะทำให้มีริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายอีกด้วย เว็บแนะนำสุขภาพ ทานอาหารที่มีประโยชน์ การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์นั้น จะช่วยให้ สุขภาพดี ทั้งภายในและภายนอกดีขึ้นได้เสมอ เช่นการทานอาการตามหลักโภชนาการ 5 หมู่นั้น หากใครสามารถที่จะทำตามได้หมด รับรองเลยว่าดีแน่นอน การออกกำลังกาย […]

โรคร้าย ในปัจจุบันนี้เรามักจะเห็นโรค ๆ แปลกเกิดขึ้นมามากมาย

ในปัจจุบันนี้เรามักจะเห็นโรค ๆ แปลกเกิดขึ้นมามากมาย โดยที่เรานั้นไม่ทันได้ตั้งตัว บางครั้งก็ไม่ได้มีสัญญาณเตือนหรือมีอะไรที่บ่งบอกให้รู้เลยว่า กำลังเป็นอะไร ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม จะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าบุคคลคนนั้นจะเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และไม่มี โรคร้าย หรือโรคประจำตัวเสมอไป นอกจากนี้การใช้ชีวิตประจำวันของคนเรานั้นก็เป็นสิ่งที่ทำร้ายร่างกายของเราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการดื่มแอลกอฮอล์ ทานอาหารแบบสุก ๆดิบ ๆ ทานของหมักดองและของที่เป็นไขมันในปะมาณที่มากจนเกินไป จนบางครั้งก็ก่อให้เกิดเป็นปัญหาเรื้อรังตามมาได้อีกด้วย ดังนั้นหากเราต้องการที่จะมีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยจากโรคร้ายต่าง ๆ เราก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการกินและการใช้ชีวิตใหม่ เพื่อชีวิตที่สดใสอยู่กับคนรักและคนในครอบครัวไปนาน ๆ โรคร้าย ที่คุกคามสุขภาพของคนส่วนใหญ่มีโรคอะไรบ้าง โรคอ้วน กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จะต้องพบเจอ เนื่องจากวิถีการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้มีแต่เรื่องที่จะต้องแข่งขันกัน แม้กระทั่งเรื่องการกิน อะไรที่สามารถใช้เวลาน้อยในการสั่ง การซื้อและการทาน นั่นจึงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนยุคนี้นั่นเอง เว็บแนะนำสุขภาพ เบาหวาน โรคร้าย ยอดนิยมที่ทำให้คนส่วนใหญ่  เมื่อสมัยก่อนเรามักจะเห็นแต่ผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวาน แต่ในปัจจุบันนี้วัยกลางคนที่อยู่ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็สามารถเป็นเบาหวานได้เช่นกัน โรคระบบทางเดินหายใจ ด้วยสภาพแวดล้อมของสังคมในสมัยปัจจุบันนี้ ที่มีแต่สิ่งปลูกสร้าง ฝุ่นละออง มากมาย ควันพิษจากท่อไปเสียรถ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้นั่นเอง โรคปอด ปัจจุบันนี้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนกลุ่มนี้เป็นโรคปอดได้อย่างง่ายดาย […]

โรคฝีดาษลิง รู้ไว้ ป้องกัน พึงระวัง ดีที่สุด กำลังแพร่ระบาดอยู่ในต่างประเทศ

หลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีอัตราผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ มีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆมากขึ้น แต่คนไทยหลายท่านก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ เพราะมีโรคระบาดที่เข้ามาใหม่นั่นก็คือ โรคฝีดาษลิง เป็นโรคที่หลายคนต้องพึงระวัง เพราะมีการแพร่เชื้อจากสัตว์ไปสู่คน ทำให้เกิดการจากคนไปสู่คนได้นั่นเอง ซึ่งโลกนี้เป็นโรคติดต่อที่มีความอันตราย และเป็นโรคที่หลายคนต้องควรระวังเพียงใดนั้นเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับโรคฝีดาษลิงดังต่อไปนี้ รู้จัก โรคฝีดาษลิง โรคติดต่อที่มีความอันตรายต่อชีวิต โรคฝีดาษดินเป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับโรคฝีดาษคน เล่นกำลังแพร่ระบาดอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบที่แถบทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมไปถึงประเทศออสเตรเลีย เป็นโรคติด เชื้อไวรัส แพ้จากสัตว์มาสู่คน และเมื่อคนได้รับเชื้อแล้วจะแพร่กระจายโดยการสัมผัสใกล้ชิดสิ่งคัดหลั่งจากคนสู่คนได้ ซึ่งจะมีอาการอย่างไรนั้นเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกันดังต่อไปนี้ที่ เว็บแนะนำสุขภาพ อาการแสดงของโรคฝีดาษดินที่คุณควรรู้ ระยะเวลาในการเพาะเชื้อของ โรคฝีดาษลิง ใช้เวลา 7-14 วัน อาการเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวดตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง ปวดศีรษะปวดร้าวไปที่บริเวณกระบอกตา รวมทั้งมีไข้สูง หลังจากนั้น 4-5 วัน อาการไข้จะลดลง ผู้ป่วยจะเริ่มมีผดผื่นขึ้นตามร่างกาย โดยลักษณะการเกิดขึ้นของผื่นนั้นจะเกิดบริเวณใดก่อนก็ได้ แล้วแต่ร่างกายของแต่ละบุคคล ลักษณะของตุ่มเริ่มแรกจะเป็นตุ่มแดง กลายเป็นตุ่มใส และกลับกลายเป็นตุ่มหนองตามลำดับ หลังจากนั้นตุ่มที่เกิดขึ้นจะตกสะเก็ด และหายเองไปในที่สุดภายในเวลา 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง  แนวทางในการป้องกันโรคฝีดาษลิง สำหรับวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดโรคฝีดาษลิงควรมีการมั่นล้างมือเป็นประจำ […]

ดูแลผิวกาย ให้ดูขาวใส เรียบเนียน น่าสัมผัส จะมีวิธีดูแลอย่างไรบ้างไปดูกัน

นอกจากจะบำรุงผิวหน้าให้ดูดี น่ามองแล้ว การ ดูแลผิวกาย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สาวๆหลายคนให้ความสำคัญ หากมีผิวกายที่ขาวใส ดูเรียบเนียน น่าสัมผัส จะทำให้ดูเป็นคนมีความมั่นใจ จะออกไปเผชิญกับผู้คนได้อย่างสง่างาม จนทำเอาหลายคนต้องอิจฉา และหันมองกันนั่นเอง วันนี้เรามีเคล็ดลับในการดูแลผิวที่จะทำให้ท่านดูมีความมั่นใจ จะเป็นเคล็ดลับที่มาทำได้ง่ายเพียงใดนั้น วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักวิธีการดูแลตนเอง ด้วยการ ดูแลผิวกาย ตะกรุดความดังต่อไปนี้ ดูแลผิวกาย ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง สาวๆหลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณเป็นเรื่องที่หลายคนสนใจ มองหาผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ทำให้ผิวพรรณ ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า หรือผิวกายให้ดูขาวกระจ่างใส น่ามอง ซึ่งการดูแลผิวนั้นไม่เพียงแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีในการบำรุง แต่ต้องมีองค์ประกอบที่มากและครบถ้วนจึงจะทำให้สุขภาพผิวกายของท่านดูดีตลอดไป จะมีวิธีในการดูแลตนเองอย่างไรนั้นไปดูกันเลยที่ เว็บแนะนำสุขภาพ ใช้โลชั่นบำรุงผิวพรรณ วิธีการดูแลผิวกายหลายคนนิยมใช้กันจำนวนมาก เพิ่มการบำรุงผิวนั้นต้องใช้โลชั่นที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เป็นโลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อบำรุงผิวไม่ให้เกิดการแห้งกร้าน โดยการชโลมโลชั่นลงบนผิวในปริมาณที่พอเหมาะ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จใหม่ๆ และเช็ดตัวให้หมาดๆ จะทำให้โลชั่นเข้าสู่ผิวพรรณของคนได้ง่ายเพราะหลังอาบน้ำรูขุมขนบริเวณผิวของเราจะเปิด ทำให้โลชั่นแทรกซึมผ่านผิวได้ง่าย  วิธีการสครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิว ในขณะที่ทำการอาบน้ำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ต้องมีการสครับผิวเพื่อให้ผิวได้ผลัดเซลล์ผิวไม่ขึ้นมา ให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดร่วงไปกับการสครับผิว การสครับผิวนั้นท่านจะใช้สครับแบบสำเร็จรูป รู้จักใช้สมุนไพรในการสครับก็ได้ เช่น มะขามเปียก เกลือ เป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้สครับผิว จะทำให้ผิวพรรณดูกระจ่างใสขึ้นทันที  […]

เครื่องดื่มสมุนไพร ล้างลําไส้ ทำทานได้เอง ลดพุงทันตาเห็นอย่างแน่นอน

หลายคนกำลังมองหาวิธีการลดพุง วิธีการดีท็อกเพื่อล้างลำไส้ให้กับตนเอง วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับเครื่องดื่มสำหรับล้างลำไส้ ที่ท่านสามารถทำทานได้เองง่ายๆ เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ไม่เป็นอันตราย สามารถทำรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย รับรองว่าท่านได้รับประทานเพียงแก้วเดียว จะทำให้เห็นผลทันที จะเป็น เครื่องดื่มสมุนไพร ที่ช่วยดีท็อกลําไส้ได้ดีเพียงใดนั้น วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรับชมกับบทความดังต่อไปนี้  เครื่องดื่มสมุนไพร เพื่อสุขภาพ ดีท็อกลําไส้ให้คุณได้สบายท้อง ใครกำลังที่ประสบกับปัญหาการขับถ่ายที่ไม่ดี ขับถ่ายยาก หรือผู้ที่ต้องการจะลดพุง วันนี้เรามีเมนู เครื่องดื่มสมุนไพร เพื่อสุขภาพ ที่จะทำให้ท่านสามารถกำจัดปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายๆ ท่านจะสามารถทำได้แต่บ้าน รับรองว่าเครื่องดื่มเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย และทำให้ท่านสบายมาทันที เว็บแนะนำสุขภาพ จะมีเมนูเครื่องดื่มใดบ้างนั้นไปดูกันได้เลย เครื่องดื่มสูตรน้ำหมักผลไม้ เมนูนี้เป็นเครื่องดื่มน้ำหมักผลไม้ ที่สามารถใช้ได้ผล น้ำเลมอน 1 ลูก แตงกวา มะนาว ส้ม สตอเบอรี่ ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว โดยนำมาล้างให้สะอาดหั่นเป็นแว่นๆ จากนั้นนำไปใส่ลงในน้ำดื่ม แช่ตู้เย็นหมักไว้ 1-2 ชั่วโมง นำมาดื่มรับรองว่าท่านจะได้สูตรดีท็อกลําไส้ที่ดีและน่ารับประทานอย่างมาก เครื่องดื่มล้างพิษตอนเช้าโยเกิร์ตน้ำผึ้งมะนาว เป็นเมนูเครื่องดื่มสมุนไพรที่เหมาะสำหรับสาวๆ หากดื่มในช่วงเช้าจะทำให้สดชื่นและขับถ่ายได้สะดวก นำนมสดรสจืด โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำผึ้ง น้ำมะนาว มาใส่ผสมรวมกัน  จากนั้นนำมาดื่มทันทีหลังจากที่ตื่นนอน จะทำให้ระบบขับถ่ายของท่านทำงานได้ทันที […]

การดื่มกาแฟ ถือว่าเป็นกิจกรรมยามเช้าหรือยามบ่ายที่ใครหลายคนนิยม

การดื่มกาแฟ ถือว่าเป็นกิจกรรมยามเช้าหรือยามบ่ายที่ใครหลายคนนิยมทำกันเป็นประจำเพราะช่วยเพิ่มพลังงานและทำให้สมองตื่นตัวซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น แต่การดื่มกาแฟนั้นมีประโยชน์มากกว่าการให้สมองตื่นตัว เพราะมันสามารถทำให้ผู้ที่ดื่มมีอายุยืนขึ้นได้ด้วย การดื่มกาแฟ แบบเติมน้ำตาลและไม่เติมน้ำตาลมีผลทำให้อัตราการเสียชีวิตน้อยลงมากกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ โดยมีการวิจัยที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรเป็นการวิจัยจำนวนคนมากกว่า 171,616 คน โดยเป็นการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตรวมถึงพฤติกรรมการดื่มกาแฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยจะรวบรวมใบมรณะบัตรของผู้ที่เสียชีวิตมีระยะเวลาเฉลี่ย 7 ปีหลังจากการวิจัย โดยผู้ที่เข้าร่วมจะมีอายุอยู่ที่ 37 73 ปีและไม่มี โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็งในช่วงที่ทำการวิจัย เว็บแนะนำสุขภาพ ผลของการวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่ดื่มกาแฟประมาณ 1.5 ถึง 3.5 ถ้วยต่อวันและมีการเติมน้ำตาลลงไปในกาแฟจะมีโอกาสลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟไม่หวานก็มีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าคนที่ไม่ดื่ม 16% ถึง 29% โดยผลดังกล่าวได้มีการประเมินร่วมกับสังคมวิทยาการใช้ชีวิตและปัจจัยด้านการรักษาเพื่อที่ให้ได้ผลการทดสอบที่แม่นยำที่สุดตัวอย่างเช่นทางทีมงานผู้วิจัยจะมีการถามคำถามเกี่ยวกับอัตราการสูบบุหรี่กิจกรรมทางด้านร่างกายการศึกษาและการรับประทานอาหาร การดื่มกาแฟ มีผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่ การดื่มกาแฟน้ำมีประโยชน์มากมายช่วยปกป้องหัวใจและโอกาสการเป็นโรคอื่น ๆ รวมไปถึงยังช่วยลดปัญหาที่ตับด้วย ชื่อกาแฟแต่ละประเภทนั้นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปบางประเภทนั้นมีสารประกอบ phenolic compound (สารประกอบฟีนอล) ซึ่งถือว่าเป็นสารที่มีประโยชน์ โดยสารประกอบเหล่านี้จะช่วยในเรื่องรสชาติและกลิ่นของกาแฟและยังเป็นสารที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านการอักเสบและสารชะลอวัย นอกจากสารประกอบต่าง ๆ แล้วยังช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย อย่างไรก็ตามกาแฟก็ยังมีสารไดเทอร์พีนซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ถึงแม้ว่ากาแฟจะมีข้อดีมากมายแต่ก็มีข้อเสียดังนั้นการดื่มกาแฟก็ควรดื่มในปริมาณที่พอดี Related Posts

โรคสมองเสื่อม กับการเดินที่สามารถบ่งชี้ให้เรารู้ได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

อายุมากขึ้นการทำงานของสมองก็เริ่มมีประสิทธิภาพน้อยลงทำให้เราได้เห็นผู้สูงวัยและหลายๆ คนมีอาการเป็น โรคสมองเสื่อม เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งก็มีวิธีมากมายที่ช่วยให้อาการสมองเสื่อมนั้นมีการชะลอตัวลง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารให้เป็นเวลาหลีกเลี่ยงไขมันสูง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ฝึกสมองด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยให้อาการสมองเสื่อมนั้นไม่เกิดขึ้นเร็วก็คือการออกกำลังกาย การออกกำลังกาย แบบแอโรบิกจะช่วยให้สมองส่วนฮิปโปแคมปัสนั้นมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นซึ่งมีอัตราการขยายตัวถึง 2% เลยทีเดียวและช่วยเสริมสร้างระบบความจำได้ดี ซึ่งสามารถช่วยลดโอกาสการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ เว็บแนะนำสุขภาพ จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคความจำเสื่อมได้มากถึง 30% ถึง 80% ตัวอย่างการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเช่นการเดินเร็ว, การวิ่งว่ายน้ำ, ปั่นจักรยานหรือการเต้น โรคสมองเสื่อม ยิ่งเดินเร็วมากเท่าไหร่โอกาสความจำเสื่อมก็จะน้อยลงเท่านั้น ตามที่ได้บอกมาข้างต้นการออกกำลังกายนั้นจะช่วยลดโอกาสการเป็น โรคสมองเสื่อม ได้ ดังนั้นผู้ที่เริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ในช่วงวัยหนุ่มทำให้โอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมในช่วงสูงวัยนั้นมีลดลง แต่ถ้าหากไม่ออกกำลังกายก็จะมีโอกาสเกิดความจำเสื่อมได้ อัตราการเดินที่ช้าลงตามอายุที่มากขึ้นเป็นสัญญาณเตือนอย่างดีเลยว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้ ได้มีการวิจัยกับผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 65 ปีในประเทศออสเตรเลียและผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีในประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน โดยเป็นการวิจัยที่ใช้เวลา 7 ปี ในทุก ๆ ปีผู้เข้าร่วมการวิจัยจะต้องทำแบบสอบถามเกี่ยวกับระดับความสามารถของสติปัญญา เพื่อให้เป็นตัวชี้วัดเกี่ยวกับสติปัญญา, ระบบความจำ, ความเร็วในการประมวลผลและความสามารถในการใช้คำพูด โดยทุก ๆ 2 ปีผู้เข้าร่วมทดลองจะ ต้องเดิน 3 เมตรหรือเดินประมาณ 10 ฟุตเพื่อนำค่ามาเฉลี่ยรูปแบบการเดิน ผลของการวิจัยแสดงออกมาให้เห็นว่าผู้เข้าร่วมการวิจัยที่เดินช้าลงจะมีโอกาสที่เป็นโรคสมองเสื่อมได้สูงและอาจมีสติปัญญาที่ลดลง […]

Back To Top