เว็บแนะนำข้อมูลสุขภาพเมื่อนึกถึงผักสีเหลือง ก็จะมีให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้น ก็คือฟักทอง ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีน ฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามิน เป็นต้น ถือเป็นผักที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมาก และนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ในส่วนของเปลือกฟักทองก็มีฤทธิ์ยามากมาย เราจึงทานได้ทั้งเนื้อและเปลือกของฟักทอง ประโยชน์ของฟักทอง ผักยอดนิยมของคนรักสุขภาพ

- ใครที่กำลังลดน้ำหนักและคุมอาหารอยู่ ขอแนะนำเมนูฟักทองนึ่งเลย เพราะฟักทองนั้นมีไขมันน้อย แคลลอรี่ต่ำ แถมยังมีปริมาณกากใยอาหารที่สูงด้วย ช่วยในเรื่องของน้ำหนักเรื่องหุ่นได้เป็นอย่างดีเลย
- อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก และป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม เพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- นอกจากนี้เบต้าแคโรทีน ยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ป้องกันเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสไม่ให้เข้ามาทำร้ายร่างกาย
- ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มาก จึงช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง และยังคอยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
- แก้อาการท้องผูก
เพราะมีปริมาณของเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ

- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
โดยเราแนะนำให้ทานเนื้อพร้อมกับเปลือกฟักทอง เพราะมีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันโรคเบาหวาน เพราะถ้าเราทานทั้งเปลือก จะมีผลกระตุ้นต่อการหลั่งอินซูลิน ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
- บำรุงเลือดและหัวใจ ซึ่งเป็นส่วนที่สัมพันธ์กัน โดยสารแอนติออกซิเดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระนั้น ยังช่วยในการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความดันโลหิตสูง และช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้
- ฟื้นฟูกล้ามเนื้อร่างกายให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่วงหลังทำงานหนักหรือหลังออกกำลังกาย
- นอกจากด้านสุขภาพแล้ว การทานฟักทองยังช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เพราะสารแอนติออกซิเดนท์จะช่วยต้านอนุมูลอิสระผิวได้ดี ชะลอริ้วรอยก่อนวัย ป้องกันผิวเหี่ยวย่น บำรุงให้ผิวสดใสขึ้น
แต่นอกจาก ประโยชน์ของฟักทอง แล้ว อยากแนะนำให้ทุกคนระวังสำหรับคนที่กระเพาะร้อน โดยมีอาการกระหายน้ำ หิวง่าย ท้องผูก เป็นแผลในช่องปาก เหงือกบวม มีกลิ่นปาก ปัสสาวะเหลือง ควรทานในปริมาณที่จำกัดและเหมาะสม เพราะหากทานมากไปอาจทำให้เกิดร่างกายร้อนได้